พระกฤษณะตรัสว่า
“ดูก่อนโอรสปฤถา ชนเหล่าใดบูชาเรา ละทิ้งกิจการทั้งปวงเพื่อเรา สวามิภักดิ์ต่อเราอย่างแน่วแน่มิแปรผัน กระทำการเซ่นสรวงบูชาเรา ตั้งสมาธิจิตจดจ่อต่อเรา เราก็จะรีบมาช่วยชนเหล่านั้นให้รอดพ้นจากทะเลแห่งการเกิดและการตาย(สังสารวัฏ)”
ผู้สวามิภักดิ์ไม่จำเป็นต้องปฏิบัติโยคะ ๘ อย่างเพื่อนำวิญญาณของตนเข้าสู่โลกทิพย์แต่อย่างใด ทั้งนี้เพราะพระกฤษณะเป็นผู้รับผิดชอบช่วยเหลือนำวิญญาณผู้นั้นเข้าสู่โลกทิพย์แทนอยู่แล้ว
จากข้อความข้างต้น พระกฤษณะบอกไว้เป็นที่แน่ชัดว่า พระองค์ท่านจะเป็นผู้มาช่วยปลดปล่อยวิญญาณ เด็กที่มีบิดามารดาคอยให้ความดูแล เขาก็จะมีความมั่นคงปลอดภัย ข้อนี้ฉันใด ผู้สวามิภักดิ์ต่อพระกฤษณะก็ฉันนั้น เขาไม่จำเป็นต้องถ่ายถอนวิญญาณของตนเองไปสู่โลกทิพย์ด้วยวิธีปฏิบัติโยคะ เพราะพระกฤษณะผู้ทรงความเมตตาปรานี จะประทับนั่งบนหลังพญาครุฑ มาช่วยเหลือผู้สวามิภักดิ์ออกจากโลกมนุษย์ไปสู่โลกทิพย์โดยฉับพลันทันใด
คนที่ตกลงไปในทะเลนั้น ถึงแม้ว่าจะพยายามอย่างไร และถึงจะว่ายน้ำเก่งขนาดไหน ก็ไม่มีทางจะช่วยชีวิตของตนเองได้ แต่ถ้ามีคนมาช่วยดึงขึ้นมาจากน้ำทะเลเสียเลย ชีวิตของเขาก็จะปลอดภัย ข้อนี้ฉันใด พระกฤษณะก็จะมารับผู้สวามิภักดิ์ออกจากโลกมนุษย์ไปสู่โลกทิพย์ ฉันนั้น
ด้วยเหตุฉะนี้ บุคคลจึงต้องปฏิบัติตามกระบวนการกฤษณะสำนึก และเซ่นสรวงบูชาพระกฤษณะอย่างเต็มที่ ผู้มีปัญญาจะใช้วิธีเซ่นสรวงบูชานี้ยิ่งกว่าวิธีการอย่างอื่น
สูทั้งหลายเอย เจ้าจงละทิ้งกระบวนการทำจิตวิญญาณให้หลุดพ้นทั้งปวงนั้นเถิด จงหันมาใช้วิธีเซ่นสรวงบูชาและสร้างกฤษณะสำนึกให้เกิดขึ้นในใจ ซึ่งด้วยวิธีหลังนี้เท่านั้น จึงจะช่วยให้สูทั้งหลายบรรลุถึงความสมบูรณ์พูนสุขแห่งชีวิตได้
สูเจ้าอย่าได้มัวแต่จะกังวลถึงอกุศลกรรมแต่ปางก่อนเลย เพราะพระกฤษณะจะมาช่วยรับผิดชอบไถ่ถอนบาปเหล่านั้นแทนสูทั้งหลาย สูเจ้าอย่ามัวแต่ปลดปล่อยวิญญาณตนเองด้วยการทำจิตให้หลุดพ้นอยู่เลย เพราะถึงทำไปก็ไม่มีประโยชน์อะไร สูเจ้าจงยึดมั่นพระกฤษณะจอมเทพนี้เป็นที่พึ่งเถิด ด้วยวิธีนี้เท่านั้น สูเจ้าจึงจะเข้าถึงภาวะสมบูรณ์ที่สุดแห่งชีวิตได้.
No comments:
Post a Comment