เมื่อพระอินทร์เห็นว่าฤษีมารกัณเฑยะผู้นี้ จะเป็นผู้มีฤทธิ์เดชศักดาเพิ่มขึ้นมาจากการบำเพ็ญตบะ ก็ประสงค์จะทำลายตบะ จึงได้ส่งกามเทพพร้อมด้วยเหล่าคนธรรพ์และนางระบำร่างสะคราญ ตลอดจนเหล่านางเทพอัปสรคิมหันตฤดู นางเทพอัปสรหิมาลัยจันทวายุ นางเทพอัปสรราคา และนางอัปสรมหา มาพร้อมหน้ากัน
กามเทพผู้เป็นเจ้าแห่งเหล่านางเทพอัปสรสวรรค์ เมื่อรับโองการจากพระอินทร์แล้ว ก็ได้พากันมายังอาศรมของมารกัณเฑยะฤษี โดยถือคันศรและลูกศรติดมือมาด้วย พร้อมด้วยหมู่คนธรรพ์เดินประโคมดนตรีและร้องเพลงกันมาเป็นหมู่ๆ เมื่อมาถึงแล้ว เหล่านางเทพอัปสรสวรรค์ก็ได้ร่ายรำอยู่เบื้องหน้าพระฤษี ส่วนพวกคนธรรพ์ก็ขับร้องประสานกับเสียงกลอง ฉิ่ง ฉาบและพิณ
ขณะที่นางเทพอัปสรราคา พร้อมด้วยนางเทพอัปสรเหมันตฤดูและเทพบริวารอื่นๆของพระอินทร์กำลังยั่วยวนกวนกิเลสของพระฤษีอยู่นั้น ฝ่ายกามเทพก็ดึงลูกศรปลายห้าแฉกออกมาสอดที่คันศรเตรียมด้วยที่จะยิงออกไป
นางเทพอัปสรปุญชิกัสถลี ได้โชว์การเล่นเคาะลูกคลี ยักย้ายส่ายสะโพกและปทุมถันอันอะร้าอร่ามโยกไหวไปมา จนพวงมาลัยดอกไม้ที่ประดับอยู่บนมวยผมของนางกระจุยกระจาย มีอยู่ตอนหนึ่งขณะที่นางวิ่งไล่ตามลูกคลีอยู่นั้น เข็มขัดที่คาดสาหรีอันบางแสนบางไว้นั้นก็ได้หลุดออกมา และลมก็เป็นใจช่วยกระพือพัดจนส่าหรีหลุดออกจากกาย กามเทพเห็นเช่นนั้นคิดว่าตนสามารถเอาชนะพระฤษีได้แล้ว ก็เลยปล่อยศรกามทพออกไปโดยฉับพลัน
แต่ทว่าความพยายามที่จะทำลายตบะของพระฤษีมารกัณเฑยะ ประสบกับความล้มเหลวโดยสิ้นเชิง พระฤษีแม้ว่าจะตกอยู่ในท่ามกลางสิ่งที่มายั่วยวนกิเลสย่างไร ก็นั่งเข้าสมาธิสงบนิ่งอยู่ ไม่สนใจใยดีในสิ่งที่มายั่วยวน จนในที่สุดพระฤษีก็สามารถมีชัยชนะกามเทพและเทพบริวารได้ ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะพระฤษีมีขันติธรรมเป็นเครื่องข่มใจนั่นเอง.
แหล่งข้อมูลภาพ
No comments:
Post a Comment