ครั้นถึงฝั่งคงคาแล้วพระองค์ก็ได้ละทิ้งข้าราชบริพารที่ตามเสด็จ แล้วทรงยอมมอบกายถวายชีวิตเป็นศิษย์ของศุขเทพโคสวามี บุตรของท่านวยาสเทพ
และจากการที่ได้มาเป็นศิษย์ของท่านศุขเทพโคสวามีครั้งนี้เอง ทำให้พระองค์ได้ทรงเข้าใจสถานะอันแท้จริงขององค์อวตารกฤษณะ…
องค์อวตารกฤษณะ มีพระนามว่า อชิตะ ซึ่งแปลว่า ไม่เคยแพ้ หมายถึงว่า พระองค์ไม่เคยพ่ายแพ้ใคร ซึ่งในความเป็นจริงแล้วพระองค์ก็ไม่เคยแพ้ใครเลยสักครั้งสมกับนามที่ได้รับ และพระองค์มีสถานที่ประทับอยู่ ณ โคโลกะ วฤนทาวัน
คนที่จะรู้เรื่องเกี่ยวกับองค์อวตารกฤษณะเหล่านี้ได้ ก็ต่อเมื่อได้ยอมมอบตัวเป็นศิษย์ของคนที่มีคุณสมบัติพร้อมที่จะเป็นครู(คุรุ)อย่างท่านศุขเทพโคสวามี เหมือนอย่างที่พระเจ้าปรีกษิตทำในครั้งนี้
เมื่อได้รู้ฐานะอันเป็นทิพย์ของพระกฤษณะ และรู้ถึงวิธีการที่จะทำให้สามารถจะเข้าถึงสถานที่ประทับของพระกฤษณะ ตลอดจนคุณสมบัติพิเศษอย่างอื่นด้วยเช่นนี้แล้ว พระเจ้าปรีกษิตก็ทรงมีความมั่นใจในชะตากรรมของพระองค์เป็นอย่างดี จึงทรงพร้อมที่จะเสียสละทุกอย่างแม้แต่ร่างกายของพระองค์ โดยไม่ยึดมั่นถือมั่นอะไรหลงเหลืออยู่
ใน คัมภีร์ภควัทคีตา มีข้อความตอนหนึ่งว่า “ปรัม ทฤษวา นิวารตเต” แปลว่า บุคคลสามารถสละความยึดมั่นถือมั่นในวัตถุทั้งปวงได้เมื่อได้แลเห็น ปรัม(อ่านว่า ปะรัม) ซึ่งปรัมก็หมายถึงคุณสมบัติอันล้ำเลิศของสิ่งทั้งหลาย
และจากคัมภีร์ภควัทคีตา ทำให้เราได้รู้ด้วยว่า พระกฤษณะมีคุณคุณสมบัติล้ำเลิศเหนือคุณสมบัติของสิ่งทั้งปวง และพระองค์ก็ยังมีพลังพิเศษสามารถเนรมิตสิ่งทั้งหลายได้ ซึ่งเราจะเข้าใจคุณสมบัติอันล้ำเลิศและพลังเนรมิตพิเศษของพระกฤษณะนี้ได้ ก็โดยอาศัยบุคคลผู้มีคุณสมบัติของความเป็นครูอย่างท่านศุขเทพโคสวามี
No comments:
Post a Comment