Google

Tuesday, January 12, 2010

พระเจ้าปรีกษิตมอบตัวเป็นศิษย์ของศุขเทพโคสวามี


หลังจากที่ต้องคำสาปว่า จะต้องตายภายใน ๗ วันแล้ว พระเจ้าปรีกษิตก็ได้สละพระราชฐานและสิริราชสมบัติทั้งปวง เสด็จไปที่ฝั่งแม่คงคา พร้อมกับข้าราชบริพารเพื่อเตรียมตัวตายตามคำสาป

ครั้นถึงฝั่งคงคาแล้วพระองค์ก็ได้ละทิ้งข้าราชบริพารที่ตามเสด็จ แล้วทรงยอมมอบกายถวายชีวิตเป็นศิษย์ของศุขเทพโคสวามี บุตรของท่านวยาสเทพ

และจากการที่ได้มาเป็นศิษย์ของท่านศุขเทพโคสวามีครั้งนี้เอง ทำให้พระองค์ได้ทรงเข้าใจสถานะอันแท้จริงขององค์อวตารกฤษณะ…

องค์อวตารกฤษณะ มีพระนามว่า อชิตะ ซึ่งแปลว่า ไม่เคยแพ้ หมายถึงว่า พระองค์ไม่เคยพ่ายแพ้ใคร ซึ่งในความเป็นจริงแล้วพระองค์ก็ไม่เคยแพ้ใครเลยสักครั้งสมกับนามที่ได้รับ และพระองค์มีสถานที่ประทับอยู่ ณ โคโลกะ วฤนทาวัน

คนที่จะรู้เรื่องเกี่ยวกับองค์อวตารกฤษณะเหล่านี้ได้ ก็ต่อเมื่อได้ยอมมอบตัวเป็นศิษย์ของคนที่มีคุณสมบัติพร้อมที่จะเป็นครู(คุรุ)อย่างท่านศุขเทพโคสวามี เหมือนอย่างที่พระเจ้าปรีกษิตทำในครั้งนี้

เมื่อได้รู้ฐานะอันเป็นทิพย์ของพระกฤษณะ และรู้ถึงวิธีการที่จะทำให้สามารถจะเข้าถึงสถานที่ประทับของพระกฤษณะ ตลอดจนคุณสมบัติพิเศษอย่างอื่นด้วยเช่นนี้แล้ว พระเจ้าปรีกษิตก็ทรงมีความมั่นใจในชะตากรรมของพระองค์เป็นอย่างดี จึงทรงพร้อมที่จะเสียสละทุกอย่างแม้แต่ร่างกายของพระองค์ โดยไม่ยึดมั่นถือมั่นอะไรหลงเหลืออยู่

ใน คัมภีร์ภควัทคีตา มีข้อความตอนหนึ่งว่า “ปรัม ทฤษวา นิวารตเต” แปลว่า บุคคลสามารถสละความยึดมั่นถือมั่นในวัตถุทั้งปวงได้เมื่อได้แลเห็น ปรัม(อ่านว่า ปะรัม) ซึ่งปรัมก็หมายถึงคุณสมบัติอันล้ำเลิศของสิ่งทั้งหลาย

และจากคัมภีร์ภควัทคีตา ทำให้เราได้รู้ด้วยว่า พระกฤษณะมีคุณคุณสมบัติล้ำเลิศเหนือคุณสมบัติของสิ่งทั้งปวง และพระองค์ก็ยังมีพลังพิเศษสามารถเนรมิตสิ่งทั้งหลายได้ ซึ่งเราจะเข้าใจคุณสมบัติอันล้ำเลิศและพลังเนรมิตพิเศษของพระกฤษณะนี้ได้ ก็โดยอาศัยบุคคลผู้มีคุณสมบัติของความเป็นครูอย่างท่านศุขเทพโคสวามี

แต่การที่พระเจ้าปรีกษิตได้มีโอกาสมาเป็นศิษย์ของศุขเทพโคสวามี จนสามารถได้รู้สถานะอันแท้จริงของพระกฤษณะผู้ได้นามว่า อชิตะ นี้ก็ด้วยเดชานุภาพขององค์พระกฤษณะ.

แหล่งข้อมูลภาพ

No comments:

Post a Comment

Google

Custom Search